tochtli.net

โตโยต้า วัวโรน่า (Toyota Corona) เป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ โตโยต้า ทำขึ้น เพื่อเป็นรถยนต์ครอบครัว เริ่มผลิตเมื่อ พุทธศักราช 2500 ซึ่งในประเทศไทย กาลครั้งหนึ่ง มันเคยเป็นคู่ปรปักษ์ทางธุรกิจกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด แล้วก็ นิสสัน บลูเบิร์ด (รวมถึง นิสสัน เซฟิโร่ ในบางช่วง) รวมทั้งคู่แข่งขันอื่นๆซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ระดับรอง อย่างเช่น มิตซูบิชิ กาแลนต์ ,มาสด้า 626 ,ฮุนได โซนาต้า ,ซูบารุ เลกาซี ,เปอโยต์ 405 ,แดวู เอสเปอโร ,ฟอร์ด มอนดิโอแล้วก็ซีตรอง BX แม้กระนั้นวัวโรน่ามีจุดเสียเปรียบเทียบสำคัญเรื่องขนาดที่เล็กมากยิ่งกว่าแอคคอร์ดแล้วก็คู่ปรปักษ์อื่นๆด้วยเหตุนี้ ใน พุทธศักราช 2536 โตโยต้าเมืองไทย ก็เลยเปลี่ยนแปลงเอา โตโยต้า คัมรี่ ขึ้นมาแข่งขันกับแอคคอร์ดและก็คู่แข่งขันอื่นๆแทนวัวโรน่า จากนั้น ก็เป็นตอนขาลงของวัวโรน่า จนถึงสุดท้าย ก็เลิกขายในประเทศไทยใน พุทธศักราช 2542 รวมทั้งเลิกผลิตทั่วทั้งโลกถาวรไปใน พุทธศักราช 2545 วัวโรน่า โฉมที่ 1-6 จัดอยู่ในจำพวกรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Compact Car) รวมทั้งโฉมที่ 7-11 จัดอยู่ในจำพวกรถยนต์นั่งขนาดกึ่งกลาง (Mid-size Car) ชื่อ วัวโรน่า เป็นภาษาละติน มีความหมายว่า มงกุฎ และก็เป็นชื่อเรียกเชื้อไวรัสสายพันธ์ุใหม่ที่มีต้นกำเนิดจากอู่ฮั่น ซึ่งเป็นความหมายเดียวกับคำว่า คราวน์ (Crown) ด้วยเหตุดังกล่าว วัวโรน่า ก็เลยเป็นโตโยต้า คราวน์ ย่อขนาด ตลอดตอนการสร้าง 45 ปี วัวโรน่า มีพัฒนาการทั้งสิ้น 10 Generation (โฉม) ตามขณะต่างๆได้ ดังต่อไปนี้เปิดตัวในพ.ค. พุทธศักราช 2500 รหัสตัวถัง T10 ในยุคนั้น วัวโรน่า ยังคงใช้ชื่อนำหน้าว่า โตโยเพ็ท (Toyopet) ก่อนจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นโตโยต้าในคราวหลัง ด้วยเหตุนี้ วัวโรน่า โฉมนี้ ก็เลยใช้ชื่อในตลาดว่า โตโยเพ็ท วัวโรน่า (Toyopet Corona) ซึ่งโฉมแรกนี้ วางแบบมาโดยมี โตโยต้า คราวน์ เป็นต้นแบบ ซึ่งมีการนำวัวโรน่าโฉมนี้ไปทำแท๊กซี่เป็นปริมาณพอเหมาะพอควร

jumbo jili
มิติตัวถัง ยาว 3.91 เมตร , กว้าง 1.47 เมตร , สูง 1.555 เมตร ขนาดลูกสูบเพียงแต่ 997 ซีซี (รถยนต์ยุคนั้นเล็กมากมายเมื่อเทียบกับปัจจุบันนี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับสมัยเดียวกัน วัวโรน่านับว่าใหญ่เอาการ) แรงม้าเพียงแค่ 45 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 7 โลเมตร ที่ 3,200 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 105 กม.ต่อชั่วโมง เคลื่อนล้อหลัง ใช้เกียร์ปกติ ซึ่งมีเพียงแค่ 3 สปีด ราคาขายในตอนนั้นตั้งไว้ที่ 648,000 เยน Generation ที่ 2 (พุทธศักราช 2503 – 2507)เปิดตัวในกรกฎาคม พุทธศักราช 2503 รหัสตัวถัง T20 โฉมนี้ วัวโรน่า มีทรงที่เหลี่ยมคมมากขึ้น กระจกหน้า-ข้างหลัง ตั้งชันเยอะขึ้นตามสไตล์รถยนต์แบบอเมริกันในสมัยนั้น รวมทั้งโฉมนี้ มีเข้ามาขายในไทย แม้กระนั้นได้ใช้ชื่อรุ่นว่า เทียร่า (Tiara) ไม่ใช่ วัวโรน่า มิติตัวถัง ยาว 3.99 – 4.03 เมตร , กว้าง 1.49 เมตร , สูง 1.445 – 1.455 เมตร (สุดแท้แต่ตัวถัง) ในระยะแรก ใช้เครื่องจักรสี่ดูด 997 ซีซี 45 แรงม้า ที่ 4,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 7 กก.เมตร ที่ 3,200 รอบต่อนาที ถัดมา มีการนำเครื่องยนต์กลไกที่แรงกว่ามาใช้ โดยเป็นเครื่องสี่ดูด 1,453 ซีซี 62 แรงม้า ที่ 4,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 11.2 กิโลเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที ใช้เกียร์ปกติ 3 สปีด Generation ที่ 3 (พุทธศักราช 2507 – 2513)
โตโยต้า วัวโรน่า โฉมที่ เปิดตัวในวันที่ 12 ก.ย. พุทธศักราช 2507 รหัสตัวถัง T40 โฉมนี้ วัวโรน่าถูกดีไซน์มาให้มีทรงแบบ Arrow Line (ลูกศร) แล้วก็มีการสร้างความพอใจให้กับพลเมือง โดยนำวัวโรน่าไปทดลองวิ่งโดยตลอดบนทางด่วนเป็นระยะทาง 100,000 กิโลโดยไม่ปิดเครื่อง ด้วยอัตราความเร็ว 140 กิโลต่อชั่วโมง สร้างชื่อให้โตโยต้าเป็นที่ยอมรับในระดับสากลในเรื่องของเทคโนโลยีแล้วก็มาตรฐานของการสร้างรถยนต์จนกระทั่งตอนนี้

สล็อต
วัวโรน่าโฉมนี้ นอกเหนือจากที่จะสร้างชื่อให้โตโยต้าแล้ว ยังมีการนำไปทำแท๊กซี่เยอะมากๆ เนื่องจากว่ามีการพิสูจน์ให้มีความคิดเห็นว่าอึดจริง รวมทั้งจนกระทั่งตอนนี้ รถยนต์รุ่นนี้หลายคันก็ยังสามารถวิ่งได้ แม้กระทั้งในประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง พุทธศักราช 2546 ก็ยังมีการประสบพบเห็นว่ามีแท๊กซี่ที่เป็นวัวโรน่า Generation นี้วิ่งอยู่ที่พระราม 4 แล้วก็ใต้ทางด่วนราษฎร์ซ่อม ขั้นแรกที่เปิดตัว มีตัวถังแบบเดียวเป็นsedan 4 ประตู 1,198 ซีซี 55 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 8.8 กิโลเมตร ที่ 2,800 รอบต่อนาที และก็ถัดมาก็มีการเพิ่มรุ่นพิเศษอีกเยอะมาก อีกทั้งเครื่องยนต์กลไกรุ่นพิเศษที่แรงกว่า แล้วก็มีการเพิ่มตัวถัง hardtop coupe , station wagon , กระบะ รวมทั้ง hatchback ยังเป็นรถยนต์ขับล้อหลัง มีเกียร์ปกติ 3 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีดให้เลือก มีมิติยาว 4.065 – 4.11 เมตร , กว้าง 1.55 เมตร , สูง 1.42 เมตร Generation ที่ 4 (พุทธศักราช 2513 – 2517) โตโยต้า วัวโรน่า โฉมที่ 4
เปิดตัวในก.พ. พุทธศักราช 2513 รหัสตัวถัง T80 วัวโรน่าโฉมที่แล้ว เกือบจะพูดได้ว่าไปถึงเป้าหมายล้นหลามในแถบทวีปเอเชีย แต่ วัวโรน่าโฉมนี้ ไปถึงเป้าหมายในแถบอเมริกันด้วย คาดว่าปัจจัยหนึ่งคงจะมาจากความนิยมชมชอบที่เริ่มมัธยัสถ์ของคนประเทศอเมริกา ก็เลยเริ่มหันมาซื้อรถยนต์จากทวีปเอเชียที่ราคาน้อยกว่า วัวโรน่าโฉมนี้ ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน ลูกสูบ 1.5 , 1.6 , 1.7 , 1.9 รวมทั้ง 2.0 ลิตร Generation ที่ 5 (พุทธศักราช 2517 – 2521 โตโยต้า วัวโรน่า โฉมที่ 5 วัวโรน่าโฉมนี้ รหัสตัวถัง T100 ถึง T120 ลูกสูบ 1.6 รวมทั้ง 2.0 ลิตร เว้นเสียแต่ในอเมริกาเหนือที่ใช้เครื่องจักร 2.2 ลิตร รวมทั้งเริ่มมีการใช้เครื่องยนต์กลไกแบบ Twin Cam แล ขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ส่วนในอเมริกัน โดยรวมโฉมนี้ก็จัดว่ายังไปถึงเป้าหมาย แม้กระนั้นไม่เท่าโฉมที่ 4 Generation ที่ 6 (พุทธศักราช 2521 – 2526) โตโยต้า วัวโรน่า โฉมที่ 6
รหัสตัวถัง T130 เครื่องยนต์กลไกลูกสูบ 1.6 และก็ 2.0 ลิตรเหมื่อนเดิม อเมริกาใช้ลูกสูบ 2.2 ลิตรเหมื่อนเดิม ซึ่งเครื่อง 2.2 ลิตรนี้ โตโยต้า เซลิก้า รถยนต์สปอร์ตของโตโยต้าในสมัยนั้นก็ใช้ วัวโรน่าโฉมนี้ในอเมริกาก็เลยมีความเป็นรถยนต์สปอร์ตอยู่บ้าง ไม่เหมือนกับวัวโรน่าในทวีปเอเชียซึ่งย้ำเป็นรถยนต์ครอบครัว แม้กระนั้นวัวโรน่าโฉมนี้ เป็นวัวโรน่าโฉมในที่สุดที่มีขายในสหรัฐฯ ก่อนที่จะโตโยต้าจะส่ง โตโยต้า คัมรี่ เข้ามาแทน ในเวลาที่ตลาดทวีปเอเชียโดยส่วนมากจะยังคงใช้วัวโรน่าทำตลาดถัดไป

สล็อตออนไลน์
Generation ที่ 7 (พุทธศักราช 2524 – 2532) โตโยต้า วัวโรน่า โฉมที่ รหัสตัวถัง T140 เป็นอีกโฉมหนึ่งที่คนประเทศไทยรู้จักดี ในฐานะรถยนต์วัวโรน่าขับล้อหลังรุ่นรองในที่สุด (เคลื่อนล้อหลังรุ่นในที่สุดเป็นโฉมที่ 10 แต่ว่าไม่เป็นที่ชื่นชอบ) กรุ๊ปผู้ค้ารถยนต์ในไทยเรียกชื่อว่า หน้าตาแหลม เพราะเหตุว่ากระเต็มที่มีการหักมุมกึ่งกลาง ทำให้มีลักษณะแหลม ในประเทศฮ่องกง มาเก๊า แล้วก็ประเทศสิงคโปร์ มีการนำรถยนต์รุ่นนี้ไปทำแท็กซี่จำนวนไม่ใช่น้อย หน้าตาแหลมเป็นโฉมที่ผลิตเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดของวัวโรน่า ปัจจุบันนี้ยังเพียงพอมีมองเห็นได้บ้างตามถนน แต่ว่าไม่มากเท่าไรนัก Generation ที่ 8 (พุทธศักราช 2526 – 2532) โตโยต้า วัวโรน่า โฉมที่ 8
รหัสตัวถัง T150 รวมทั้ง T160 โฉมนี้ วัวโรน่าเริ่มเสื่อมโทรมความชื่นชอบลงในประเทศออสเตรเลีย เพราะว่าคัมรี่ เริ่มเข้าไปได้รับความนิยมแทนวัวโรน่า แต่ว่าในประเทศไทย คัมรี่ยังไม่มีชื่อเสียง (คัมรี่ เข้ามาในไทยในตอนที่วัวโรน่าอยู่ในโฉมที่ 10) วัวโรน่าก็เลยยังครอบครองความนิยมชมชอบในไทยถัดไป แต่ว่าในวงรวมทั่วทั้งโลก นับว่าเป็นสัญญาณที่กระจ่างแจ้งว่า วัวโรน่า บางครั้งก็อาจจะถึงจุดสิ้นสุดเร็วนี้ๆโฉมนี้ กรุ๊ปพ่อค้ารถยนต์ในไทย เรียกว่า โฉมตู้แช่เย็น Generation ที่ 9 (พุทธศักราช 2529 – 2535) โตโยต้า วัวโรน่า โฉมที่ 9 โตโยต้า วัวโรน่า รุ่น 1.6 GL โฉมแป๊ะยิ้ม เจเนอเรชันนี้ มี 2 รุ่นหมายถึงรุ่น เค้าหน้ายักษ์ แล้วก็รุ่น ใบหน้ายิ้ม รูปที่แสดงนี้เป็นรูปโฉมโนมพรรณหน้ายิ้ม สองรุ่นนี้ ผลิตขึ้นมาจากโครงเดียวกัน แม้กระนั้นไม่เหมือนกันในเนื้อหาบางประการ อาทิเช่น กระเต็มที่และก็ไฟท้าย โดยไปด้านหลังหน้ายิ้มจะยาวแถวเดียว หน้ายักษ์แยกเป็นสองก้อน กระเต็มที่รุ่นหน้ายิ้มออกแนวดิ่ง หน้ายักษ์แนวขนาน สองรุ่นยังไม่ใช้โลโก้สามห่วง ในประเทศไทย เปิดตัวทีแรกด้วยรุ่นหน้ายักษ์ มีตัวเลือกทั้งสิ้น 4 รุ่น เป็น
-1.6XL เป็นรุ่นต่ำสุด ราคาย่อมเยา ใช้เครื่องจักรกล 4A-F คาร์บูเรเตอร์ 1600 ซีซี เกียร์ปกติ 4 สปีด อุปกรณ์อำนวยความสะดวกไม่ได้ต่างอะไรจากรถยนต์ระดับค่อนข้างต่ำกว่า (ดังเช่น โตโยต้า โคโรลล่า, ฮอนด้า ซีวิค, นิสสัน ซันนี่, มิตซูบิชิ แลนเซอร์) ในสมัยนั้นเป็นเบาะพลาสติก, หน้าต่างหมุนมือ, กระจกด้านข้างปรับมือ/พับมือ, ไม่มีไล่ฝ้ากระจกสำหรับด้านหลัง ล้อกระทะเหล็กไม่มีฝาครอบ ยางขนาด 175/70R13
-1.6GL ใช้เครื่องจักรกล 4A-F ลักษณะเดียวกันกับรุ่น XL แต่ว่าจะใช้เกียร์ปกติ 5 สปีด รวมทั้งได้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายแทบเท่ารุ่นท็อปหมายถึงเบาะผ้ากำมะหยี่พร้อมที่ท้าวแขนกึ่งกลางเบาะหลัง พร้อมแผงประตูบุกำมะหยี่, เบาะผู้ขับ ปรับดันข้างหลัง และก็ปรับพนักหนุนหัวในแนวหน้า-ข้างหลังได้, หน้าต่างกระแสไฟฟ้า, กล่องเก็บของระหว่างเบาะคู่หน้า, พวงดอกไม้ 3 ก้าน, ลวดละลายฝ้ากระจกด้านหลัง, วิทยุเทป 4 ลำโพง, ล้อกระทะเหล็ก 13 นิ้ว พร้อมฝาครอบแบบเต็ม, กันชนสีเดียวกับตัวรถยนต์, อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือทั้งปวงนี้ จัดว่ามากยิ่งกว่ารถยนต์ระดับที่ค่อนข้างต่ำกว่าทั้งยัง 4 รุ่นสำคัญๆในประเทศไทยในเวลานี้ ไม่จัดตั้งเครื่องใช้ไม้สอยดังกล่าวมาแล้วข้างต้น แม้กระทั้งในรุ่นสูงสุดก็ตาม
-2.0GL ใช้เครื่องยนต์กลไก 3S-F 2000 ซีซี คาร์บูเรเตอร์ มีให้เลือกเกียร์ปกติ 5 สปีด และก็เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เครื่องไม้เครื่องมือที่ได้เพิ่มจากรุ่น 1.6GL ดังเช่นว่า ที่เก็บของระหว่างเบาะคู่หน้าแบบบุฟองน้ำใช้ท้าวแขนได้นุ่ม, พวงดอกไม้มีพาวเวอร์ทุ่นแรง, กระจกด้านข้างปรับกระแสไฟฟ้า, ล้ออัลลอย 14 นิ้ว ยางขนาด 195/60R14 น็อตล้อ 5 ตัว
-2.0GLi เป็นรุ่นท็อปสุด มีเฉพาะเกียร์ปกติ 5 สปีด เครื่องจักรกล3S-FE 2000 ซีซี หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตอนนั้นเป็นสิ่งใหม่เครื่องยนต์กลไกแบบใหม่ ซึ่งมีเฉพาะในรถยนต์ซาลูนหรู ดังเช่น เมอร์เซเดส เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู เพียงแค่นั้น เทคโนโลยีเครื่องยนต์กลไกหัวฉีดเริ่มใช้กับรถยนต์ประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น มีเพียงแต่รถยนต์ระดับวัวโรน่า แล้วก็คู่ปรับอย่างแอคคอร์ด กาแลนต์ บลูเบิร์ด แล้วก็เซฟิโร่แค่นั้น ยิ่งไปกว่านี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาเต็มพิกัด ดังเช่นว่า วิทยุแสดงผลลัพธ์แบบดิจิตอล, เบาะผู้ขับปรับ 14 แนวทาง (หน้า-ข้างหลัง/พนักพิงนอน-ตั้ง/เบาะรองนั่งสูง-ต่ำ/พนักพิงดันข้างหลังมาก-น้อย/ปีกเบาะโอบมาก-น้อย/พนักพิงหัวปรับสูง-ต่ำ/พนักพิงหัวปรับดันหัวมาก-น้อย) ในตอนที่รถยนต์คู่ปรับมักมี 6, 8 หรือ 10 แนวทางเพียงแค่นั้น นอกนั้น ในตอนที่เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์เข้าเมืองไทยนั้น โตโยต้ายังได้รับรองอย่างเป็นทางการให้เครื่องยนต์กลไก 3S-FE ในรุ่น -2.0GLi สามารถรองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ 95 ได้, รวมทั้งได้ดิสก์เบรก 4 ล้ออีกด้วย[NPC4]
ถัดมา ได้ปรับโฉมไมเนอร์ศาสนาเชนจ์เป็นรุ่นหน้ายิ้ม และก็ได้มีการปรับเครื่องมือดังต่อไปนี้
-1.6XL แปรไปใช้เกียร์ปกติ 5 สปีด
-1.6GL ลดวัสดุอุปกรณ์ลง โดยเบาะนั่งจะเป็นผ้ากำมะหยี่สลับพลาสติก, กันชนสีดำ
-2.0GL ตัดรุ่นเกียร์อัตโนมัติออก เหลือเฉพาะเกียร์ปกติ 5 สปีด เพิ่มระบบปรับอากาศแบบปุ่มกด
-2.0GLi เพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติเข้ามา ก็เลยมีตัวเลือกว่าจะซื้อรุ่นท็อปแบบเกียร์ปกติหรืออัตโนมัติ เพิ่มระบบปรับอากาศแบบปุ่มกด
วัวโรน่ารุ่นนี้เป็นรุ่นท้ายที่สุดที่โตโยต้าเมืองไทย วางไว้เป็นคู่แข่งขันกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด, นิสสัน บลูเบิร์ด, มิตซูบิชิ กาแลนต์ โดยตรง วัวโรน่ารุ่นลูกแต่นี้ต่อไป จะไม่ใช่รถยนต์ระดับเดียวกับคู่แข่งขันกลุ่มนี้อีกต่อไป รวมทั้งนิสสันที่ตกลงใจเปลี่ยนแปลงตำแหน่งทางการตลาดจากที่ให้นิสสัน บลูเบิร์ด เป็นคู่ต่อสู้กับรถยนต์ D-Segment ทั่วๆไป มาเป็นรถยนต์ระดับเดียวกันกับวัวโรน่า รวมทั้งยกเลิกการขึ้นสายการประกอบในประเทศด้วย โดยให้นิสสัน เซฟิโร่ มาแข่งขันกับรถยนต์ D-Segment ทั่วๆไปแทน
Generation ที่ 10 (พุทธศักราช 2535 – 2541) โตโยต้า วัวโรน่า โฉมที่ 10 ก่อนหน้านี้ รถยนต์ประเทศญี่ปุ่น ชอบถูกวางแบบโดยนิยามกว้างไว้ไม่ให้เกิน 1.7 เมตร รวมทั้งเครื่องจักรพิกัดไม่เกิน 2000 ซีซี ด้วยเหตุผลทางภาษีในประเทศประเทศญี่ปุ่น แม้กระนั้นถัดมาเมื่อเศรษฐกิจเติบโต คู่แข่งขันทั้งผองต่างปรับปรุงรถยนต์ของตัวเองออกมามีลักษณะท่าทางใหญ่ขึ้น รวมทั้งสุดท้ายคู่ปรปักษ์รายใหญ่อย่างฮอนด้า แอคคอร์ด แล้วก็มิตซูบิชิ กาแลนต์ ก็ยอมจ่ายภาษีแพงโดยเพิ่มความกว้างและก็เพิ่มขนาดเครื่องจักรกลออกไปเกินพิกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น รวมทั้งนิสสันก็ส่ง เซฟิโร่ ซึ่งมีขนาดเกินพิกัดลงมาด้วยเหมือนกัน แต่ว่าโตโยต้าเมืองไทยเลือกที่จะนำเข้า โตโยต้า คัมรี่ จากประเทศออสเตรเลียซึ่งมีขนาดเกินพิกัดลงมาต่อสู้กับคู่แข่งขันรายอื่นๆแล้วให้วัวโรน่ายังตรึงขนาดอยู่ที่พิกัดเดิม เมื่อคู่ปรับอีกทั้งตลาดต่างล้วนเพิ่มขนาดเกินพิกัด นอกจากเพียงแค่วัวโรน่ารุ่นเดียว [NPC5]

-2.5 HV Navigator รวมทั้ง 2.5 HV Premium มีการเพิ่มระบบ T-Connect TELEMATICS
1.Find My Car เช็คตำแหน่งตัวรถยนต์ผ่าน Application Find My Car หรือ Apple Watch
2.Service Reminder ระบบแจ้งเตือนการบำรุงรักษารถยนต์ เมื่อถึงรอบตามระยะ
3.Service Appointment บริการนัดเข้าศูนย์บริการผ่านระบบออนไลน์
4.My Message แจ้งข่าวสาร ข้อมูลส่วนลด พร้อมสิทธิพิเศษจากแผนการ Toyota Privilege
5.Parking Alert ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถยนต์ถูกสตาร์ท หรือ เคลื่อน
6.Stolen Vehicle Tracking ระบบสำรวจตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกจารกรรม
7.My Toyota Wi-Fi กระจัดกระจายสัญญาณ เชื่อมต่อความสนุกสนานได้พร้อมสูงสุด 9 เครื่องมือ
8.OPS (Operation Service) ผู้ช่วยค้นหาทางตลอด 1 วัน พร้อมบริการจองห้องอาหาร
9.SOS ติดต่อประสานงานช่วยเหลือเร่งด่วนตลอด 1 วัน
10.Roadside Service บริการติดต่อประสานงานไปยังผู้แทนจำหน่ายใกล้เคียง เพื่อขอรับความให้การช่วยเหลือบนถนน
11.Health บริการติดต่อประสานงานบอกเหตุรีบด่วนทางด้านการแพทย์ โดยการส่งตำแหน่งที่คุณอยู่ไปยังสถาบันการแพทย์รีบด่วนแห่งชาติ (สพฉ.)

jumbo jili
ราคารุ่น 2.5 HV มีการแปลงราคา ส่วนรุ่นอื่นไม่มีความเคลื่อนไหว
-2.5 HV Premium Telematics ราคา 1,863,000 บาท (เพิ่มเงิน 14,000 บาท)
-2.5 HV Navigator Telematics ราคา 1,673,000 บาท (เพิ่มเงิน 14,000 บาท)
-2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท (เหมือนเดิม)
-2.5 G ราคา 1,599,000 บาท (เหมือนเดิม)
-2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (เหมือนเดิม)
-2.0 G ราคา 1,399,000 บาท (เหมือนเดิม)
รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 หรือ รถจักรละอองน้ำ C56 (JNR Class C56) โดยมากจะเรียกว่า รถจักรละอองน้ำ C56 เป็นรถจักรละอองน้ำที่สร้างขื้นในประเทศประเทศญี่ปุ่น สร้างโดยชมรมอุตสาหกรรมรถไฟที่ญี่ปุ่น ประยุกต์ใช้การทีแรกของ เมืองไทยเมื่อปี พุทธศักราช 2489 วัตถุประสงค์หลักของรถจักรละอองน้ำในระยะเริ่มต้นจะใช้โดยกองทัพประเทศญี่ปุ่นในทางรางรถไฟสายมรณะไปสู่ประเทศพม่า ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง

สล็อต
ตอนนี้ รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 ที่ผ่านการใช้แรงงานในประเทศไทยเหลืออยู่ 11 คัน และก็เหลืออยู่ล้อขับ 1 คู่ แล้วก็ในประเทศประเทศพม่าคงเหลือ 1 คัน แล้วก็เหลืออยู่คันเยื้องศูนย์2ท่อน แบ่งได้ดังต่อไปนี้ หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศไทย อยู่ 7 คัน เป็นเลข 702 (C56-4), 714 (C56-16), 719 (C56-23), 728 (C56-36), 733 (C56-41), 738 (C56-47) แล้วก็ 744 (C56-53) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศประเทศพม่า อยู่ 1 คัน ลำดับที่ของการรถไฟประเทศพม่าเป็น C.0522 (C56-56) จัดโชว์ล้อขับในประเทศประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คู่ ของเลข 722 (C56-26) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คัน เป็นลำดับที่ 725 (C56-31) ใช้การในประเทศประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คัน เป็นเลข 735 (C56-44) ใช้การในประเทศไทยโดย ร.ฟ.ท. อยู่ 2 คันเป็นเลขลำดับ 713 (C56-15) และก็ เลขลำดับ 715 (C56-17) ซึ่ง 2 คันนี้ ได้รับการบูรณะพร้อมๆกับรถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 เลขลำดับ 953 แล้วก็ 962 รถจักรละอองน้ำแปซิฟิค CX50 เลขลำดับ 824 รวมทั้ง 850 ในต้นปี พุทธศักราช 2529 ซึ่งรถจักรละอองน้ำโมกุล C56 อีกทั้ง 2 คันนี้ยังคงใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง รวมทั้งเคยกระทำเดินแถวเสด็จ แผนการสมเด็จพระน้องธิราชเจ้า กรมพระยาพระเทวดารัตนราชบุตรสาวฯ ไทยบรมราชบุตรี จะเสด็จไปยังวังเมืองราชสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี ในปี พุทธศักราช 2529 รวมทั้งทำขบวนรถจักรละอองน้ำพิเศษพาเที่ยวตรงเวลายาวนานหลายปี ในขณะนี้รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 ทั้งยัง 2 คันนี้ใช้ไม้หมอนรองทางรถไฟเก่ามาตัดเป็นท่อนๆสำหรับในการใช้เป็นเชื้อเพลิง ในส่วนของเลขลำดับ 713 (C56-15) ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไหล่มาใช้คันเยื้องศูนย์ของ C56-19(ตัวรถจักรมิได้ประยุกต์ใช้งานในไทย) แล้วก็ลำดับที่ 723 (C56-28)อีกด้วย และก็รถจักรละอองน้ำC56จะถูกประยุกต์ใช้ในงานอาทิตย์สะพานผ่านแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะจัดงานในช่วงปลายพ.ย.ถึงต้นเดือนธ.ค.ของทุกปีระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กรมรถไฟหลวงได้เจอความเสื่อมโทรมในบริภัณฑ์รถไฟและก็สิ่งก่อสร้างอย่างมากมาย เมื่อการรบได้เลิกลง ก็เลยปรากฏว่ากรมรถไฟขาดรถจักรและก็ล้อเลื่อนที่จะมาใช้การรับใช้สามัญชนตามสถานะเดิมถัดไป ด้วยเหตุนั้นในปี พุทธศักราช 2489 ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของยูเอ็นได้จัดจำหน่ายรถจักรละอองน้ำที่เหลือใช้จากการศึกให้แก่กรมรถไฟปริมาณ 68 คัน (รุ่นเลขที่ 380-447) เพื่อทุเลาการขาดแคลนลานดังที่กล่าวมาแล้ว รถจักรกลุ่มนี้เป็นจำพวกไม่กาโด (2-8-2) ซึ่งเรียกกันโดยยิ่งไปกว่านั้นในแวดวงของยูเอ็นว่ารถจักร “แมคอาคุณร์” เป็นรถจักรที่สร้างโดยบริษัทต่างๆมากมายในอเมริกา ตามรายการเจาะจงที่ระบุขึ้นโดยทางด้านการทหารที่สหรัฐ

สล็อตออนไลน์
นอกจากนั้นยังได้รับรถจักรที่เหลือใช้จากการสู้รบของข้างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประยุกต์ใช้การในเอเซียอาคเนย์นี้ 50 คันเป็นรถจักรประเทศญี่ปุ่น รุ่นเลขที่ 701-746 (C-56) แล้วก็ รุ่นเลขที่ 761- 764 (C-58)รวมทั้งเป็นรถจักรของการรถไฟสมาพันธ์รัฐมลายู ซึ่งข้างประเทศญี่ปุ่นประยุกต์ใช้การในประเทศไทยระหว่างการศึกอีก 18 คัน เป็นรุ่นเลขที่ 801 (เจ้าของเดิมเรียกว่ารุ่น P) เพราะเหตุว่าแต่เดิมรถจักรละอองน้ำ C56 ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานภายในประเทศประเทศญี่ปุ่นในตอนปี พุทธศักราช 2478 ซึ่งณ เวลานั้นญี่ปุ่นได้เปลี่ยนแปลงมาใช้งานระบบเบรกลมอัดหมดแล้ว รวมทั้งได้เปลี่ยนแปลงเครื่องพ่วงจากแบบขอและก็ห่วงคานเกลียวมาเป็นแบบอัตโนมัติ ก็เลยจะต้องแปลงขอพ่วงแบบอัตโนมัติมาเป็นขอพ่วง ABC แทน ซึ่งหรูหราที่ต่ำกว่าเดิมจำต้องวางช่องของรังเครื่องพ่วงขึ้นมาใหม่ เมื่อรถจักรละอองน้ำ C56 ปริมาณ 90 คันได้ถูกส่งมาใช้งานในแถบเอเซียอาคเนย์ ด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนักกดเพลาไม่เยอะเกินไปนักกับภาวะทางนี้เพราะว่าในยุคนั้นรางของเมืองไทยรับน้ำหนักกดเพลาสูงสุดได้แค่เพียง 10.5 ตันแค่นั้น ขณะที่รถจักร C56 มีน้ำหนักกดเพลาที่ 10.6 ตัน (เคยมีการนำเอารถจักรละอองน้ำ C58 มาวิ่งปริมาณ 4 คัน แต่ว่าตอนหลังได้นำกลับไปด้วยเหตุว่ามีน้ำหนักกดเพลาถึง 13.5 ตัน) นอกจากก็จำต้องกระทำเปลี่ยนระบบเบรกที่ใช้สั่งรถพ่วงจากเดิมที่เป็นเบรกลมอัดมาเป็นระบบเบรกสุญญากาศ โดยจัดตั้งเครื่องไล่ลมเข้าไปเนื่องจากในแถบเอเซียอาคเนย์ณ ตอนนั้นยังคงใช้ระบบเบรกสุญญากาศอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเมืองไทย , ประเทศพม่า , เขมรแล้วก็มาเลเซีย การรถไฟที่ญี่ปุ่นสร้างรถจักร C56 มาเพื่อใช้งานกับรางที่มีความกว้างขนาด 1.067 เมตร โดยเหตุนั้นเมื่อประยุกต์ใช้งานกับรางที่มีขนาดความกว้าง 1 เมตรในประเทศไทยก็เลยจำต้องกระทำปรับล้อเพื่อสามารถใช้กับราง 1 เมตรได้ ( กรรมวิธีการนั้นมิได้ใช้แนวทางการอัดแว่นล้อเข้ามาดังที่ดำเนินงานกับรถเมล์ JR-West ในทุกวันนี้ ) แว่นล้อของรถจักร C56 ยังเป็นของเดิมที่ใช้กับราง 1.067 เมตร แต่ว่าใช้แนวทางการสร้างปลอกล้อขึ้นมาใหม่โดยให้มีขนาดความกว้างของพื้นล้อมากกว่าเดิมเพื่อเกาะกับรางขนาด 1 เมตรได้ ด้วยเหตุนี้หากผู้ใดดูก็จะมีความคิดเห็นว่าพื้นล้อของล้อกำลังรถจักรละอองน้ำ C56 ลำดับที่ 713รวมทั้ง 715 ที่โรงรถจักรจังหวัดธนบุรี แล้วก็ที่หยุดตั้งแสดงดังที่ต่างๆในประเทศไทยจะมีพื้นล้อกำลังที่กว้างกว่ารถจักรละอองน้ำรุ่นอื่นๆ

jumboslot
รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 ในตอนนี้ เนื่องด้วยรถจักรละอองน้ำโมกุล C56 บางคันถูกตัดเศษเหล็กที่โรงรถจักรทั้งประเทศ บางคันได้ตั้งเป็นที่ระลึกนึกถึงที่สถานีรถไฟทั้งประเทศ รวมทั้งบางคันได้กลับสู่ญี่ปุ่นเป็นลำดับดังต่อไปนี้ ผ่านการใช้แรงงานเมืองไทยและก็ประเทศพม่า (ความกว้างของทางรถไฟ: 1.000 เมตร) (Metre gauge)
เดี๋ยวนี้รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 จากญี่ปุ่นที่ผ่านการใช้แรงงานในประเทศไทยหลงเหลืออยู่ 11 คัน แล้วก็ในประเทศเมียนมาร์คงเหลือ 1 คัน รวม 12 คัน หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงตามสถานที่ต่างๆทั้งหมดทั้งปวง 9 คัน แล้วก็ยังสามารถใช้การได้ทั้งปวง 3 คัน แบ่งได้ดังต่อไปนี้ หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศไทยอยู่ 7 คัน
-C56-4 (ลำดับที่ของรฟท.เป็น 702) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงอยู่ที่ป้ายหยุดรถไฟน้ำตกไทรโยคน้อย, อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
-C56-16 (เลขลำดับของรฟท.เป็น 714) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงอยู่ที่ด้านทิศเหนือของสถานีรถไฟกรุงเทC56-23 (เลขของรฟท.เป็น 719) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงอยู่ที่ใกล้สะพานผ่านแม่น้ำแคว, อำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี, จังหวัดกาญจนบุรี
-C56-36 (ลำดับที่ของรฟท.เป็น 728) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงอยู่ที่สถานีรถไฟนครจังหวัดลำปาง, อำเภอเมืองจังหวัดลำปาง, จังหวัดลำปาง
-C56-41 (เลขลำดับของรฟท.เป็น 733) หยุดอยู่ที่โรงงานมักกะสัน, เขตราชเทวี, จังหวัดกรุงเทพมหานคร
-C56-47 (ลำดับที่ของรฟท.เป็น 738) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงอยู่ที่หอพักภาพยนตร์ (หน่วยงานมหาชน), อำเภอพุทธมณฑล, จังหวัดนครปฐม
-C56-53 (เลขลำดับของรฟท.เป็น 744) หยุดอยู่ที่ข้างหน้าของบ้านสวนรถไฟเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ บนถนนหลวงแผ่นดินเลข 1269, อำเภอหางป่าดง, จังหวัดเชียงใหม่ หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศประเทศญี่ปุ่นอยู่ 1 คัน
-C56-31 (ลำดับที่ของรฟท.เป็น 725) เป็นรถจักรละอองน้ำในพิธีการเปิดช่องรถไฟสายมรณะตอนวันที่ 25 เดือนธันวาคม พุทธศักราช 2486 แล้วก็ญี่ปุ่นได้ขอซื้อกลับคืนไปเมื่อปี พุทธศักราช 2522 ปัจจุบันนี้ถูกทำสีกลับกลายสีดำล้วนแบบเริ่มแรกของประเทศญี่ปุ่นแล้วก็จัดโชว์อยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานยูยกคาน ในส่วนของศาลเจ้ายาซูกูนิ ในกรุงเมืองโตเกียว ญี่ปุ่น หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศประเทศพม่าอยู่ 1 คัน
-C56-56 (เลขลำดับของการรถไฟประเทศพม่าเป็น C.0522) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงที่พิพิธภัณฑสถานรางรถไฟสายมรณะ, เมืองตานพยูซะยะ ใช้การได้ในประเทศประเทศญี่ปุ่นอยู่ 1 คัน

slot

-2.0G Extremo : แปลงชุดแต่งใหม่ ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ลายใหม่ ไฟหน้า แอลอีดี Dual Projector แบบ Hybrid ไฟเลี้ยว แยกจากไฟหน้า แบบ Hybrid ข้างในเปลี่ยนแปลงจากลายไม้สีดำเป็น ลายไม้คาร์บอน (Carbon Wood) วันที่ 11 ก.ค. 2560
-2.0G , 2.5G , 2.5HV HYBRID : เปลี่ยนแปลง เบาะนั่งห่อหุ้มด้วยหนัง สีครีม เป็น สีน้ำตาล Kogane
เปลี่ยนแปลงข้างใน สีดำตัดครีม เป็น สีดำ แปลง ตะเข็บเส้นด้ายบนแดชกระดาน จากสีดำ เป็น สีน้ำตาล Kogane แปลง ลายไม้แบบพิเศษ เป็นลายไม้คาร์บอน (Carbon Wood) แปลง พวงดอกไม้แบบ 4 ก้าน เป็น 3 ก้านแบบ EXTREMO ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พ่น Hi-Gloss (เฉพาะรุ่น Hybrid) วันที่ 19 เดือนสิงหาคม 2560

jumbo jili
ส่วนราคาไม่มีความเคลื่อนไหว
-2.5 HV Premium ราคา 1,849,000 บาท (เหมือนเดิม)
-2.5 HV Navigator ราคา 1,659,000 บาท (เหมือนเดิม)
-2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท (เหมือนเดิม)
-2.5 G ราคา 1,599,000 บาท (เหมือนเดิม)
-2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (เหมือนเดิม)
-2.0 G ราคา 1,399,000 บาท (เหมือนเดิม)
รถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ ดีเอ็กซ์ 50 (DX50 steam locomotive) (่JNR Class DX50) ส่วนมากเรียกว่ารถจักรนี้ว่า รถจักรละอองน้ำไม่กาโด เป็นชุดรถจักรละอองน้ำในที่สุดของรฟท.ที่ใช้ในประเทศไทย สร้างโดยชมรมอุตสาหกรรมรถไฟที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น จุดมุ่งหมายหลักของรถจักรชุดนี้เป็นใช้ลากรถยนต์ผลิตภัณฑ์รวมทั้งรถยนต์ที่มีขนาดมากมายแล้วก็ความเร็วต่ำ ปัจจุบันนี้ รถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 หลงเหลืออยู่ส่วนห้องขับทั้งสิ้น 5 ห้อง ตัวอย่างเช่นของลำดับที่ 354 , 370 , 938 , 940 และก็ 954 แล้วก็ยังเหลือตลอดตัวรถจักรละอองน้ำทั้งสิ้น 8 คัน แบ่งเป็นหยุดเป็นที่ระลึกนึกถึง 7 คัน เป็นเลข 351 , 353 , 943 , 950 , 955 , 962 และก็ 965 รวมทั้งสามารถใช้การได้ 1 คัน เป็นเลขลำดับ 953 ซึ่งจะวิ่งในวันสำคัญต่างๆนอกเหนือจากนี้รถจักรละอองน้ำไม่กาโดะมีปริมาณรถยนต์ทั้งหมด 97 คัน เป็นเลขรถยนต์ 351-378 แล้วก็ 901-970 โดยการนำเข้ามาใช้งาน แบ่งเป็นสองตอน (ล็อต) ต่อแต่นี้ไป

สล็อต
ขั้นแรก (พุทธศักราช 2479 – พุทธศักราช 2488) รถจักรลำดับที่ 351 – 378 เป็นช่วงๆที่การรถไฟฯ สั่งนำเข้ามาใช้โดยตรง
ตอนลำดับที่สอง (พุทธศักราช 2492 – พุทธศักราช 2494) รถจักรลำดับที่ 901 – 970 เป็นตอนที่การรถไฟฯ สั่งนำเข้ามาใช้โดยโครงงานซ่อมธุรกิจการค้ารถไฟระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กรมรถไฟได้เผชิญความย่ำแย่ในบริภัณฑ์รถไฟและก็สิ่งก่อสร้างเป็นอย่างยิ่ง เมื่อการศึกได้เลิกลง ก็เลยปรากฏว่ากรมรถไฟขาดรถจักรรวมทั้งล้อเลื่อนที่จะมาใช้การรับใช้ราษฎรตามสถานะเดิมถัดไป โดยเหตุนั้นในปี พุทธศักราช 2489 ด้วยความมีน้ำใจของยูเอ็นได้จัดจำหน่ายรถจักรละอองน้ำที่เหลือใช้จากการทำศึกให้แก่กรมรถไฟปริมาณ 68 คัน (รุ่นเลขที่ 380-447) เพื่อทุเลาการขาดแคลนลานดังที่ได้กล่าวมาแล้ว รถจักรพวกนี้เป็นจำพวกไม่กาโด (2-8-2) ซึ่งเรียกกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงขององค์การสหประชาชาติว่า “รถจักรละอองน้ำแมคอาคุณร์” เป็นรถจักรที่สร้างโดยบริษัทจำนวนมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ตามรายการเฉพาะที่ระบุขึ้นโดยด้านการทหารที่สหรัฐ ถัดมาในปี พุทธศักราช 2492 ตามแผนการซ่อมแซมธุรกิจรถไฟ ทางการได้จัดซื้อรถจักรละอองน้ำจากผู้ผลิตต่างๆในประเทศประเทศญี่ปุ่น 50 คัน รวมทั้งในปีต่อไปอีก 50 คัน เป็นรถจักรแบบไม่กาโดแล้วก็แปซิฟิค เหมือนกันกับรถจักรที่เคยซื้อจากญี่ปุ่นครั้งก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว แต่ว่าได้มีการปรับแต่งบางอย่างให้สมควรขึ้นอีก รถจักรปริมาณ 100 คันนี้ บางทีก็อาจจะนับว่าเป็นรถจักรละอองน้ำรุ่นท้ายที่สุดที่จะมีใช้การสำหรับในการรถไฟที่เมืองไทยโดยที่สำเร็จต่อเนื่องมาจากการรถไฟฯ มีนโยบายที่จะนำเอารถจักรน้ำมันดีเซลมาใช้การแทนรถจักรละอองน้ำเดิมใช้การใช้การบนทางรถไฟสายเหนือ

สล็อตออนไลน์
ตั้งแต่สถานีรถไฟกรุงเทวดา (สถานีรถไฟหัวลำโพง) จำนวนมากจะทำขบวนรถผลิตภัณฑ์และก็รถด่วนพิเศษไปถึงสถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งได้ปลดจากตำแหน่งเลิกใช้การเข้ามานอนหยุดสงบนิ่งอยู่ที่โรงรถจักรจังหวัดธนบุรี รางข้างโรงรถจักรหยุดอยู่คันในสุดของรถจักรรวม 4 คันในรางนี้ ตั้งแต่วันอังคารที่ 21 มี.ค. พุทธศักราช 2517 ถัดมาในสิ้นปี พุทธศักราช 2528 ทางการรถไฟฯมีแนวความคิดที่จะฟื้นฟู ซ่อมแซมรถจักรละอองน้ำขึ้นปริมาณ 6 คันแบ่งเป็นรถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 2 คันเป็น 953 และก็ 962 รถจักรละอองน้ำแปซิฟิค CX50 2 คันเป็น 824 และก็ 850 และก็รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 ลำดับที่ 713 รวมทั้ง 715 โดยศูนย์กลางซ่อมแซมอยู่ที่โรงรถจักรจังหวัดธนบุรี ในสมัยนายความเจริญรุ่งเรือง ม้าไว เป็นสารวัตรรถจักรจังหวัดธนบุรี โดยการขับเขยื้อนของนายช่าง สุการเซ่นสรวง หนูสวย ตำแหน่งวิศวกรอำนวยการลากเลื่อนขณะนั้น ท่านได้ระดมเครื่องไม้เครื่องมืออะไหล่ที่เก็บไว้ที่ โรงรถจักรทุ่งสง และก็โรงรถจักรจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมช่างฝีมือจากทุ่งส่งปริมาณ 4 นาย มาร่วมกับช่างฝีมือที่จังหวัดธนบุรีเพื่อ พร้อมซ่อมแซมซ่อมแซมรถจักรละอองน้ำดังที่กล่าวมาข้างต้น การซ่อมแซมรถจักรละอองน้ำในตอนนั้นใช้เวลาซ่อมแซมปริมาณ 4 เดือนก็เลยสามารถกระทำการทดสอบวิ่งตัวเปล่ารถจักร 962 & 953 จาก จังหวัดธนบุรี – วัดงิ้วราย – จังหวัดธนบุรี ในวันที่ 10 เดือนมีนาคม 2529 และก็กระทำทดสอบเดินแถวไม่ปริมาณตู้ขึ้นรถ 10 ตู้ในวันที่ 13 เดือนมีนาคม 2529 สำหรับรถจักร 824 & 850 ซ่อมแซมเสร็จกระทำการทดสอบวิ่งตัวเปล่าจาก จังหวัดธนบุรี – วัดงิ้วราย – จังหวัดธนบุรี ในวันที่ 19 เดือนมีนาคม 2529 รวมทั้งกระทำการทดสอบเคลื่อนขบวนไม่ปริมาณตู้ขึ้นรถ 8 ตู้ในวันที่ 22 เดือนมีนาคม 2529 ถัดมาในวันที่ 26 มี.ค. 2529 เป็นวันเหมือนวันแต่งตั้งรฟท. ก็เลยจัดรถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 เลขลำดับ 953 พหุกับ รถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 ลำดับที่ 962 เดินแถวพิเศษจากสถานีกรุงเทวดา – อยุธยา – กรุงเทวดา นับเป็นครั้งแรกที่มีการเดินรถจักรละอองน้ำในโอกาสพิเศษ และก็เป็นการเดินรถจักรละอองน้ำหนแรกภายหลังที่ปลดจากตำแหน่งไปตั้งแต่ปี 2517 เป็นระยะเวลา 12 ปี ซึ่งได้รับความพอใจจากพ่อแม่พี่น้องสองริมทางรถไฟมากมายก่ายกอง พนักงานขับรถจักรละอองน้ำในคราวนั้น เป็นนายเชี่ยวชาญ ดียิ่ง (เสียชีวิตแล้ว) นายกุล กุลมณี (เสียชีวิตแล้ว) ถัดมาได้ซ่อมแซมรถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 เลข 950 เพื่อกระทำเดินแถวรถจักรละอองน้ำพาเที่ยวที่ 901 จากสถานีรถไฟกรุงเทวดาไปยังสถานีรถไฟอยุธยา ในวันที่ 26 เดือนมีนาคม 2529 รถจักรละอองน้ำทุกคันที่มีการซ่อมแซม ได้ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงระบบกระแสไฟฟ้า เบรก รวมทั้งเครื่องจักรของรถจักร Henschel เพื่อต่อพหุ จนถึงส่งผลให้รถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 ลำดับที่ 962 แปลงเป็นเศษเหล็กอยู่ที่สวนประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ในอำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง จากนั้นเป็นต้นมา รถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 ก็เลยเหลือกินเหลือใช้การ 1 คันเป็นลำดับที่ 953 ซึงจะใช้ทำขบวนในวันสำคัญต่างๆจนกระทั่งปัจจุบันนี้รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 หรือ รถจักรละอองน้ำ C56 (JNR Class C56) โดยมากจะเรียกว่า รถจักรละอองน้ำ C56 เป็นรถจักรละอองน้ำที่สร้างขื้นในประเทศประเทศญี่ปุ่น สร้างโดยชมรมอุตสาหกรรมรถไฟที่ญี่ปุ่น ประยุกต์ใช้การคราวแรกของ เมืองไทยเมื่อปี พุทธศักราช 2489 เป้าหมายหลักของรถจักรละอองน้ำในช่วงแรกจะใช้โดยกองทัพประเทศญี่ปุ่นในทางรางรถไฟสายมรณะไปสู่ประเทศพม่า ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง

jumboslot
เดี๋ยวนี้ รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 ที่ผ่านการใช้แรงงานในประเทศไทยหลงเหลืออยู่ 11 คัน และก็เหลืออยู่ล้อขับ 1 คู่ แล้วก็ในประเทศเมียนมาร์หลงเหลืออยู่ 1 คัน รวมทั้งเหลืออยู่คันเยื้องศูนย์2ท่อน แบ่งได้ดังต่อไปนี้ หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศไทย อยู่ 7 คัน เป็นเลขลำดับ 702 (C56-4), 714 (C56-16), 719 (C56-23), 728 (C56-36), 733 (C56-41), 738 (C56-47) รวมทั้ง 744 (C56-53) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศเมียนมาร์ อยู่ 1 คัน ลำดับที่ของการรถไฟเมียนมาร์เป็น C.0522 (C56-56) นำเสนอล้อขับในประเทศประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คู่ ของลำดับที่ 722 (C56-26) หยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงในประเทศประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คัน เป็นเลข 725 (C56-31) ใช้การในประเทศประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คัน เป็นเลขลำดับ 735 (C56-44) ใช้การในประเทศไทยโดย ร.ฟ.ท. อยู่ 2 คันเป็นเลข 713 (C56-15) และก็ เลข 715 (C56-17) ซึ่ง 2 คันนี้ ได้รับการบูรณะพร้อมๆกับรถจักรละอองน้ำไม่กาโดะ DX50 เลข 953 และก็ 962 รถจักรละอองน้ำแปซิฟิค CX50 เลข 824 แล้วก็ 850 ในต้นปี พุทธศักราช 2529 ซึ่งรถจักรละอองน้ำโมกุล C56 ทั้งยัง 2 คันนี้ยังคงใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง แล้วก็เคยกระทำเดินแถวเสด็จ แผนการสมเด็จพระน้องธิราชเจ้า กรมพระยาพระเทวดารัตนราชลูกสาวฯ ไทยบรมราชบุตรี จะเสด็จไปยังพระราชวังเมืองราชสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี ในปี พุทธศักราช 2529 รวมทั้งทำขบวนรถจักรละอองน้ำพิเศษพาเที่ยวตรงเวลายาวนานหลายปี ในขณะนี้รถจักรละอองน้ำโมกุล C56 อีกทั้ง 2 คันนี้ใช้ไม้หมอนรองทางรถไฟเก่ามาตัดเป็นท่อนๆสำหรับเพื่อการใช้เป็นเชื้อเพลิง ในส่วนของเลขลำดับ 713 (C56-15) ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไหล่มาใช้คันเยื้องศูนย์ของ C56-19(ตัวรถจักรมิได้ประยุกต์ใช้งานในไทย) แล้วก็เลขลำดับ 723 (C56-28)อีกด้วย และก็รถจักรละอองน้ำC56จะถูกประยุกต์ใช้ในงานอาทิตย์สะพานผ่านแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะจัดงานในช่วงปลายพ.ย.ถึงต้นเดือนธ.ค.ของทุกปี

slot

ในปี 2559 โตโยต้า คัมรี่ ได้มีการเปลี่ยนเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ตามรุ่นย่อย ดังต่อไปนี้
-2.5G ปรับโฉมกระเต็มหน้าแบบ Black Grille กระจกดูข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง (2-Side Reverse Link & Auto Retractable) ข้างในตกแต่งด้วยหัวเกียร์ห่อหนัง จัดตั้งเครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัว เป็น12 ตัว เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth เชื่อมต่อแบบไร้สาย (Hands-free) แล้วก็มีพอเพียงร์ท USB / VTR ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของคนขับรวมทั้งกระจกดูข้าง ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Auto Rain Sensor) ส่วนสีด้านนอกมีสีขาวมุก White Pearl เป็นสีใหม่
-ESPORT กระเต็มที่โครเมียม เพิ่มแถบสีแดงแบบ Sport Type กันชนข้างหลังตกแต่งด้วยแถบสีแดง ห้องโดยสารมีจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก สีข้างนอกใหม่ แดง Super Red V
-2.0G กระเต็มหน้า Black Grille เพิ่มระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของคนขับรวมทั้งกระจกมองดูข้าง กระจกดูข้างพับ/กางอัตโนมัติ กระจกดูข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง (2-Side Reverse Link & Auto Retractable) ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Auto Rain Sensor) หัวเกียร์ห่อหุ้มหนังพร้อมลายไม้พิเศษ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง มีคู่หน้า ข้างๆ ม่านข้างๆ เข่าด้านคนขับ แล้วก็ข้างๆเบาะหลัง

jumbo jili
*2.0G Extremo : จัดตั้งสเกิร์ตสปอร์ตรอบคัน ท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่ ไฟส่องสว่างที่ประตูคู่หน้าพร้อมเครื่องหมาย Extremo ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายไม้สีดำ พวงดอกไม้สปอร์ตสีดำ เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัว เป็น12 ตัว พร้อมระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth
-2.5HV Hybrid Premium และก็ 2.5HV Hybrid Navigator รองรับการใช้แก๊สโซฮอล์ E20 กระเต็มที่แบบ Mesh Radiator Black Grille ไฟตัดหมอกหน้าแบบ แอลอีดี เกียร์หุ้มห่อหนังพร้อมลายไม้พิเศษ เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัวเป็น 12 ตัว เพิ่มระบบวัดแรงกดดันลมยางอัตโนมัติ TPMS (Tyre Pressure Monitor System) สัญญาณเตือนจะปรากฏที่จอแสดงผลลัพธ์ แม้ตรวจเจอว่าความดันข้างในลมยางล้อใดล้อหนึ่งต่ำลงเกิน 20% (รุ่น 2.5HV Premium) ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง มีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ข้างๆ ม่านข้างๆ เข่าด้านผู้ขับ แล้วก็ข้างๆเบาะหลัง (รุ่น 2.5HV Premium)
ส่วนราคามีการเปลี่ยน ดังต่อไปนี้

สล็อต
-2.5 HV Premium ราคา 1,849,000 บาท (ลดน้อยลง 50,000 บาท)
-2.5 HV Navigator ราคา 1,659,000 บาท (ต่ำลง 70,000 บาท)
-2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท
-2.5 G ราคา 1,599,000 บาท
-2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (มากขึ้น 96,000 บาท)
-2.0 G ราคา 1,399,000 บาท
รถจักรละอองน้ำ C58 ที่ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขพวกนี้มีปริมาณทั้งปวง 51 คัน โดยการทำการปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงในตอนระหว่างมิ.ย. จนกระทั่งพฤศจิกายน ปี พุทธศักราช 2487 สถานที่ที่ใช้สำหรับเพื่อการปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงรถยนต์นั้นประกอบไปด้วย โอมิยะ (Omiya) , ฮามะมะทสึ (Hamamatsu) , ทาค้างโทริ (Takatori) รวมทั้ง วัวปะทุระ (Kokura) หลังจากนั้นก็เลยเอามาลงเรือที่ท่าเรือโกเบและก็ท่าเรือโมจิเพื่อขนส่งมายังเมืองไทย โดยชุดแรกกระทำการขนลงเรือมา 25 คัน ซึ่งใช้เรือขนส่งหลายลำกระจัดกระจายกันไป แม้กระนั้นการขนส่งนั้นมิได้ดำเนินไปอย่างสะดวกเนื่องจากอยู่ในตอนของปลายการรบ มีกองทัพของผู้ช่วยเหลือรอขวางกองเรือลำเลียงกลุ่มนี้ โดยเฉพาะ กองเรือมุดน้ำของอเมริกา จนกระทั่งท้ายที่สุดเรือที่ทำงานลำเลียงรถจักรละอองน้ำ C58 จากญี่ปุ่นเพื่อมาส่งยังเมืองไทยนั้นก็ถูกยิงจมลงไปดูเหมือนจะทั้งหมด เหลือรอดมาได้เพียงแต่ 4 คันเพียงแค่นั้นจากทั้งปวง 25 คัน ที่ส่งมาในระยะเริ่มต้น การสูญเสียนี้ก็เลยทำให้มีการยับยั้งการขนส่งรถจักรที่เหลืออีก 28 คัน ซึ่งท้ายที่สุดรถจักรชุดข้างหลังนี้ก็มิได้ถูกขนส่งมายังเมืองไทยรวมทั้งเปลี่ยนแปลงเครื่องมือต่างๆคืนกลับเพื่อใช้ในประเทศประเทศญี่ปุ่นดังที่เคย

สล็อตออนไลน์
รถจักรละอองน้ำ C58 ทั้งยัง 4 คัน ที่รอดจากการเช็ดกยิงจมสมุทรมาได้นั้น ประกอบไปด้วย

• C58-52 ( เลขที่ใช้สำหรับเพื่อการรถไฟหมายถึง761 )
• C58-54 ( ลำดับที่ที่ใช้สำหรับการรถไฟหมายถึง762 )
• C58-130 ( ลำดับที่ที่ใช้เพื่อการรถไฟหมายถึง763 )
• C58-136 ( เลขลำดับที่ใช้สำหรับในการรถไฟหมายถึง764 )
  ลำดับที่ 761 รวมทั้ง 762 นั้น สร้างโดย Kawasaki ในปี พุทธศักราช 2481 / ส่วนเลขลำดับ 763 แล้วก็ 764 สร้างโดย Kisha Seizo ในปี พุทธศักราช 2482jumboslot
  แต่ รถจักรละอองน้ำ C58 อีกทั้ง 4 คันนี้ก็ไม่สามารถที่จะใช้งานได้อย่างมีคุณภาพมากเท่าไรนัก เนื่องมาจากมีน้ำหนักกดเพลาถึง 13.5 ตัน ขณะที่ทางรถไฟของไทยในยุคนั้นรับน้ำหนักกดเพลาได้เพียงแค่ 10.5 ตันแค่นั้น ตอนหลังสงครามโลกครั้งที่สองเลิกลง รถจักรพวกนี้ยังคงอยู่ใช้งานในประเทศไทย แม้กระนั้นน้ำหนักรถจักรที่มากนั้นทำให้ต้องกำหนดขอบเขตการใช้แรงงาน จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ปลดจากตำแหน่งใช้งานไปก่อนที่จะครบกำหนดและไม่เหลือซากให้มองเห็นแม้กระทั้งชิ้นเดียว สำหรับรูปถ่ายของรถจักรรุ่นนี้ในตอนที่ใช้งานอยู่ที่เมืองไทยนั้นก็หายากสูงที่สุด รถจักรละอองน้ำแพรปรี่ C58 ในขณะนี้ และก็บัญชีรถจักรละอองน้ำแพรี่ C58 ในประเทศไทย ปัจจุบันนี้ รถจักรละอองน้ำแพรปรี่ C58 ในประเทศไทย ถูกตัดบัญชีทั้งปวง 4 คันแล้ว แม้กระนั้นส่วนในประเทศประเทศญี่ปุ่นซึ่งหยุดเป็นที่ระลึกนึกถึงอยู่ดังที่ต่างๆในประเทศประเทศญี่ปุ่น และก็บางคันยังคงอยู่ในภาวะใช้การได้ slot