โตโยต้า โคโรลล่า (Toyota Corolla) (คำว่า Corolla มีความหมายว่า กลีบ) เป็นรถยนต์โตโยต้ารุ่นที่บรรลุผลสำเร็จอีกทั้งด้านแนวทางการขายและก็การได้รับความนิยมมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยรู้จักรถยนต์โคโรลล่านี้มาอย่างมากมายและก็นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ นิยมเอารถยนต์โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส (Toyota Corolla Altis) มาทำรถแท็กซี่ในประเทศไทย โดยรถยนต์โตโยต้า โคโรลล่า จัดอยู่ในระดับรถยนต์นั่งขนาดเล็กมากมาย (Subcompact) ในโฉมที่ 1-5 ส่วนโฉมที่ 6 เป็นต้นมา จัดอยู่ในระดับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Compact) โคโรลล่า เป็นคู่ปรับทางธุรกิจกับ ฮอนด้า ซีวิค นิสสัน ซันนี่/คราวด้า เชฟโรเลต ออพตร้า และก็ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ในฐานะที่เป็นรถยนต์ที่ไม่เล็กเหลือเกินสำหรับในการใช้เป็นรถยนต์ครอบครัว แม้กระนั้นไม่งุ่มง่ามในการใช้เป็นรถส่วนตัว ใช้งานได้มากมาย รถยนต์รุ่นโคโรลล่าเป็นรถยนต์ที่ประสบพบเห็นได้ค่อนข้างจะมากมายบนถนนไทยในตอนนี้ มีพัฒนาการตั้งแต่อดีตกาลจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แบ่งเป็น 11 รูปโฉมโนมพรรณ ดังเช่นว่าเปิดตัวคราวแรกใน พุทธศักราช 2509 รหัสตัวถัง KE10 โดยในทีแรกๆ ผลิตเพียงแต่ตัวถังแบบ Sedan 2 ประตู แล้วตัวถังแบบ Sedan 4 ประตูเริ่มมีใน พุทธศักราช 2510 และก็ตัวถัง station wagon 4 ประตู ก็เริ่มผลิตใน พุทธศักราช 2511 แล้วก็และก็ตามด้วยรถยนต์ coupe 2 ประตูจบท้ายรุ่น โดยรถยนต์คูกระเป๋า 2 ประตู โคโรลล่าได้ตั้งชื่อเฉพาะให้ว่า โคโรลล่า สปรินเตอร์ รหัสตัวถัง KE15 โดยในระหว่างโฉมแรกนี้ มี 2 ขนาดเครื่องจักรกลให้เลือกเป็น1.1 ลิตรในขั้นแรก รวมทั้ง 1.2 ลิตรในตอน พุทธศักราช 2512 เป็นต้นไป
jumbo jili
ระบบเกียร์ในยุคนั้น ไม่ย้ำการประหยัดน้ำมัน รวมทั้งเทคโนโลยียังไม่ดีขึ้น ระบบเกียร์ในรถยนต์โคโรลล่า ก็เลยมี 2 ระบบให้เลือกหมายถึงเกียร์ปกติเพียงแต่ 4 สปีด รวมทั้งเกียร์อัตโนมัติเพียงแต่ 2 สปีด แต่ว่าการที่มีเครื่องจักรลูกสูบขนาดเล็ก ทำให้รถยนต์อดออมน้ำมัน ทดแทนการที่เกียร์มีไม่กี่สปีด ในประเทศไทยมีการนำเข้ามาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยโตโยต้า มอเตอร์ เมืองไทย เมื่อปี พุทธศักราช 2509 โดยเป็นรถยนต์นำเข้าจากต่างแดน ยังไม่มีการประกอบในประเทศไทยอะไร เลิกผลิตใน พุทธศักราช 2513 เพราะว่ามีการเปิดตัว โคโรลล่า โฉมที่ 2 รุ่นที่ 2 (พุทธศักราช 2513-2521) โตโยต้า โคโรลล่า โฉมที่ 2 เปิดตัวทีแรกใน พุทธศักราช 2513 รหัสตัวถัง KE20 โดยรถยนต์รุ่นโคโรลล่า สปรินเตอร์ (Corolla Sprinter) มีการเพิ่มแบบตัวถัง sedan เข้าไปในรายการอาหารผลิต รวมทั้งมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่น โคโรลล่า เลวิน (Corolla Levin) แล้วก็ โคโรลล่า สปรินเตอร์ ทรูโน (Corolla sprinter Trueno) โดยนำตัวถังแบบ coupe GT มาใช้ และก็ทางโตโยต้า มีความเห็นว่า รถยนต์โคโรลล่าบรรลุผลสำเร็จสูงมากมาย ก็เลยแยกธุรกิจวิธีขายรถยนต์โตโยต้า โคโรลล่า ออกเป็น 2 ธุรกิจหมายถึงธุรกิจขายรถยนต์โคโรลล่า สปรินเตอร์ , โคโรลล่า สปรินเตอร์ ทรูโน กับ ธุรกิจขายรถยนต์โคโรลล่า , โคโรลล่า เลวิน แบบตัวถังมีความมากมายหลากหลายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น coupe 2 ประตู , station wagon 3 กับ 5 ประตู , sedan 4 ประตู และก็ van 5 ประตู รวมทั้งมีการเพิ่มขนาดเครื่องยนต์กลไก เป็น 1.2 , 1.4 , 1.6 ลิตรให้เลือก และก็รถยนต์โฉมนี้บรรลุความสำเร็จสูงมากมาย ดังจะมองเห็นได้จากการที่หากแม้โคโรลล่าจะเปิดตัวโฉมที่ 3 ใน พุทธศักราช 2517 แม้กระนั้นโฉมที่ 2 นี้ ผลิตอย่างสม่ำเสมอไปจนกระทั่ง พุทธศักราช 2521 ก็เลยเลิกผลิต ในประเทศไทยเป็นโคโรลล่ารุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทย
สล็อต
รุ่นที่ 3 (พุทธศักราช 2517-2524) โตโยต้า โคโรลล่า โฉมที่ โฉมนี้ เปิดตัวหนแรกใน พุทธศักราช 2517 รหัสตัวถัง KE30 , KE40 , KE50 รวมทั้ง KE60 มีการเพิ่มต้นแบบตัวถัง hardtop coupe 2 ทางเข้าไป ส่วนตัวถังแบบอื่นมีดังเดิม มีแล้วก็เริ่มมีการปรับปรุงและก็ได้ผลิตระบบเกียร์ให้เลือกเพิ่มเป็น 4 ระบบ เป็นอัตโนมัติ 2 กับ 3 สปีด แล้วก็ ปกติ 4 กับ 5 สปีด ขนาดเครื่องจักร 1.2 กับ 1.4 ลิตรภายหลังจากการเปิดตัวรถยนต์โคโรลล่าโฉมที่ 4 ใน พุทธศักราช 2522 ทั่วทั้งโลกก็เริ่มทยอยหยุดขายหยุดผลิตโฉมที่ 3 และก็โฉมนี้ได้หยุดผลิตอย่างสมบูรณ์ใน พุทธศักราช 2524
รุ่นที่ 4 (พุทธศักราช 2522-2526) โตโยต้า โคโรลล่า โฉมที่ 4 โฉมนี้ เปิดตัวหนแรกใน พุทธศักราช 2522 รหัสตัวถัง KE70 ในโฉมนี้ ได้เพิ่มความมากมายหลายของรูปตัวถังขึ้น โดยเพิ่มรูปตัวถัง sedan 2 ประตู รวมทั้ง liftback 3 ทางเข้าไปเพิ่ม แม้กระนั้นได้ยับยั้งการสร้างตัวถังแบบ coupe 2 ประตู ระบบเกียร์ 4 ระบบอย่างเดิม ขนาดเครื่องจักรกล 3 ขนาด เช่น 1.3 , 1.6 และก็ 1.8 ลิตร รวมทั้งรูปโฉมโนมพรรณนี้ เป็นรูปโฉมโนมพรรณท้ายที่สุดที่รถยนต์โคโรลล่าขับล้อหลังเพียงอย่างเดียว ซึ่งโฉมถัดจากนี้ จะเบาๆยกเลิกระบบขับล้อหลังของโคโรลล่าไป แล้วก็จะแทนที่ด้วยระบบเคลื่อนล้อหน้า แล้วก็โฉมนี้ก็เป็นโฉมในที่สุดที่มีการผลิตระบบเกียร์ออโตเมติก 2 สปีด และก็ระบบเกียร์ปกติ 4 สปีดด้วยด้วยเหมือนกันโฉมนี้ เลิกผลิตในปีเดียวกับการเปิดตัวรถยนต์โคโรลล่าโฉมที่ 5 ใน พุทธศักราช 2526
รุ่นที่ 5 (พุทธศักราช 2526-2530) โตโยต้า โคโรลล่า โฉมที่ 5 โฉมนี้ เปิดตัวหนแรกใน พุทธศักราช 2526 เป็นโฉมแรกของโคโรลล่า ที่ขับล้อหน้า รหัสเครื่องยนต์กลไก AE80 แต่ว่านอกจาก โคโรลล่า เลวิน รวมทั้งโคโรลล่า สปรินเตอร์ ทรูโน ที่ยังเป็นขับล้อหลัง ใช้รหัสตัวถัง AE86 โฉมนี้ โคโรลล่าได้ปรับแบบตัวถังใหม่ ดังเช่นว่า coupe 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , sedan รวมทั้ง station wagon 4 ประตู , liftback 5 ประตู รวมทั้งโฉมนี้ เป็นโฉมแรกที่โคโรลล่า มีการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล(สำหรับเครื่องยนต์กลไก 1.8 ลิตร) และก็ใช้เบนซิน (สำหรับเครื่องจักร 1.3 และก็ 1.6 ลิตร) พร้อมเพียงกัน โดยโฉมนี้ มีระบบระเบียบเกียร์เหลือให้เลือก 2 ระบบหมายถึงอัตโนมัติ 3 สปีด รวมทั้งปกติ 5 สปีด ลักษณะโฉมแบบงี้ แวดวงรถยนต์ไทยมักเรียกว่า โฉมด้านหลังตัด โฉมนี้ ได้รับการออกแบบอีกทั้งความสามารถ การขับเขยื้อน 3 แบบให้เลือก (ล้อหน้า,ล้อหลัง,4 ล้อ) ในขณะนี้ รถยนต์เคลื่อนล้อหลังเริ่มมียอดจำหน่ายลดน้อยลง เพราะว่าคนเริ่มไปซื้อรถยนต์ขับล้อหน้า แต่ว่าในรูปภาพรวม เทคโนโลยีต่างๆในรถยนต์รวมทั้งทรงที่ทันสมัยมากมายในสมัยนั้น ทำให้ในขณะนี้ โฉมนี้ไม่นับว่าเป็นสิ่งโบราณ ยอดจำหน่ายรถยนต์โคโรลล่าโฉมนี้ รวมยอดผลิตได้มากกว่า 3.3 ล้านคัน ในตอนที่รถยนต์โคโรลล่าทั้งยัง 10 โฉมรวมกันแล้ว ได้ยอดจำหน่าย 31 ล้านคัน รวมทั้งจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ อันธพาลรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ก็จะยังรู้จักและก็ขับขี่รถโคโรลล่าโฉมนี้อยู่ โดยไม่นับว่าเชย และก็โฉมนี้ ก็เป็นโฉมท้ายที่สุดที่จัดเป็นรถยนต์ขนาด Subcompact ที่อยู่ในเชื้อสายโคโรลล่า
สล็อตออนไลน์
โฉมนี้ เลิกผลิตในปีเดียวกับการเปิดตัวรถยนต์โคโรลล่าโฉมที่ 6 ใน พุทธศักราช 2530 โฉมนี้มีขายในประเทศไทยตอนปี พุทธศักราช 2527 – 2531 รุ่นที่ 6 (พุทธศักราช 2530-2536) โตโยต้า โคโรลล่า รุ่นที่ 6 โตโยต้า โคโรลล่า รุ่นที่ 6 เมื่อความนิยมชมชอบสำหรับเพื่อการซื้อรถยนต์โคโรลล่าโฉมที่ 5 ไปถึงจุดอิ่มตัว ก็ได้มีการเปิดตัวรถยนต์โคโรลล่า โฉมที่ 6 ใน พุทธศักราช 2530 รวมทั้งส่งเข้าทำตลาดขายแทนโฉมที่ 5 ในปีพุทธศักราช 2531 โฉมนี้ เป็นโฉมที่รถยนต์โคโรลล่า ได้เลื่อนฐานะจากรถยนต์ขนาดเล็กมากมาย (Subcompact) เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก (Compact) โฉมนี้ ระบบขับล้อหลังหายไป ได้มีการเพิ่มการสร้างต้นแบบตัวถัง hatchback 5 ประตู โฉมนี้ ผลิตในตอนที่ระบบเกียร์ออโตเมติกถูกปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ รถยนต์โฉมนี้ ได้เริ่มมีการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด มา แม้กระนั้นก็ยังผลิตรถยนต์รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีดอยู่ เครื่องจักรก็ยังมีอีกทั้งระบบเบนซิน ในขนาดเครื่องจักร 1.3 (2E 4 ดูด OHC 12 วาล์ว 1,295 ซีซี 72 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.3 กิโลกรัม-มัธยมที่ 4,000 รอบ/นาที) , 1.5 (5A-F,5A-FE 1,500 ซีซี คาร์บิวเรเตอร์ 85 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.5 กิโลกรัม-มัธยมที่ 3,300 รอบ/นาที รวมทั้ง 94 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.1 กิโลกรัม-มัธยมที่ 4,400 รอบ/นาทีสำหรับรุ่นหัวฉีด EFI) , 1.6 ลิตร (4A-F 1,587 ซีซี 94 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.0 กิโลกรัม-มัธยมที่ 4,000 รอบ/นาที รวมถึงรุ่น SPORTY ที่เปลี่ยนแปลงคาร์บิวเรเตอร์ของเครื่องยนต์กลไก 4A-F มาเป็นเวบเบอร์ ท่อคู่ดูดข้าง 106 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.9 กิโลกรัม-มัธยมที่ 4,200 รอบ/นาที , 4A-FE 1,587 ซีซี 102 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.83 กิโลกรัม-มัธยมที่ 4,800 รอบ/นาที, 4A-GE 16v 1,587 ซีซี 130.5 แรงม้า (PS) ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.3 กิโลกรัม-มัธยมที่ 6,000 รอบ/นาที.) *เครื่องจักรกล4A-FEมีขายในเฉพาะประเทศญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ แล้วก็แบบน้ำมันดีเซล ในขนาดลูกสูบ 2.0 ลิตร (1C) แล้วก็ยังมีระบบระเบียบขับ 4 ล้อด้วย
นอกจากนั้น ในตอนโฉมนี้ โคโรลล่า เลวิน, โคโรลล่า ทรูโน รวมทั้งโคโรลล่า สปรินเตอร์ ได้แปลงมาเป็นระบบเคลื่อนล้อหน้า รวมทั้งโฉมนี้ พ่อค้าเต๊นท์รถยนต์ในประเทศไทยนิยมเรียกว่า โฉมโดเรมอน ด้วยทรงใบหน้าที่คล้ายตัวการ์ตูนอปิ้งโดเรม่อน ประสานเครื่องจักรกลที่มีความสามารถที่สุดยอด คงทน รวมทั้งทันสมัยในยุคนั้น
โฉมนี้ ในประเทศไทยจะรู้จักกันดีในฐานะของโฉมที่มีเทคโนโลยีเครื่องจักร 16 วาล์ว รุ่นแรกที่มีขายในไทย ในตอนนั้น มักมีเครื่องหมายอักษรเขียนว่า TWINCAM 16 VALVE ไว้เป็นเครื่องหมายที่ประตูรถยนต์ในรถยนต์บางคัน รวมทั้งเป็นเอกลักษณ์ของโคโรลล่าโฉมนี้ด้วย ยิ่งกว่านั้น รุ่นด้านหลังๆของโฉม โคโรลล่าในไทยได้เริ่มเปลี่ยนแปลงมาใช้เครื่องจักรกลระบบหัวฉีด (เฉพาะรุ่นGTiเครื่องจักร 4A-GE 16v.) ซึ่งออมน้ำมันกว่า แล้วก็สามารถเพิ่มแก๊สโซฮอล์ ได้ รถยนต์รุ่นนี้ในตอนนี้นับว่าหายากมากมาย เพราะว่าเนื่องจากว่าปริมาณรถยนต์ในตลาดถึอว่าน้อยพอเหมาะพอควร แล้วก็ยังเป็นที่เรียกร้องของนักสะสมรถยนต์ในประเทศไทยเป็นอันมาก แม้กระนั้นแม้กระนั้น โฉมโดเรมอนโดยมาก ยังเป็นคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งไม่เหมาะสมกับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ คู่ต่อสู้โดยตรงที่สำคัญของโคโรลล่าในโฉมนี้เป็น ฮอนด้า ซีวิค/แอคคอร์ด, นิสสัน ซันนี่/บลูเบิร์ด, มิตซูบิชิ แลนเซอร์/กาแลนต์, มาสด้า 323/626, โฉมนี้ เลิกผลิตใน พุทธศักราช 2535 ในประเทศไทย หนึ่งปีภายหลังการเปิดตัวรถยนต์โคโรลล่า โฉมที่ 7 และก็ในอเมริกาเลิกผลิตใน พุทธศักราช 2536 โฉมนี้มีขายในประเทศไทยตอนปี พุทธศักราช 2531 – 2535[NPC4]
โฉมนี้ เปิดตัวทีแรกใน พุทธศักราช 2534 โฉมนี้ ได้เริ่มมีการผลิตเกียร์ปกติ 6 สปีดขึ้น พร้อมกันกับการสร้างรถยนต์เกียร์ปกติ 5 สปีด รวมทั้งเกียร์อัตโนมัติ 4 แล้วก็ 3 สปีด เครื่องจักรยังมีระบบระเบียบน้ำมันดีเซล (2.0 ลิตร) รวมทั้งเบนซิน (1.3 , 1.5 , 1.6 , 1.8 ลิตร) โดยโฉมนี้ได้เข้ามาในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปี พุทธศักราช 2534 แม้กระนั้นมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อมี.ค. พุทธศักราช 2535 เมื่อเปิดตัวในไทย โคโรลล่าโฉมนี้ก็ได้สร้างการปรากฏยอดการจองรถยนต์ทะลุ 10,000 คันอย่างเร็วกว่าที่โรงงานคิดไว้มากมาย แล้วก็ยอดจองยังมีมากขึ้นหากแม้โรงงานโตโยต้าสำโรงจะรีบผลิตสุดกำลัง แงะแผนสำรองมาใช้ กระทั่งสั่งนำเข้ารุ่น LX Limited จากประเทศญี่ปุ่นมา 1,000 คัน แล้วก็เพิ่มราคาขายคันละ 5,000 บาท เพื่อลดการจองซื้อ ก็ยังไม่ทันกับความอยากของลูกค้า จนกระทั่งในที่สุดควรมีการก่อสร้างโรงงานโตโยต้าเกตเวย์ สำหรับกระทำประกอบรถยนต์นั่งโดยยิ่งไปกว่านั้น ต้นแบบตัวถังมี 6 ต้นแบบ ราวกับโฉมโดเรมอน ดังเช่น sedan 4 ประตู , hatchback 3 กับ 5 ประตู , coupe 2 ประตู , liftback 3 ประตู รวมทั้ง station wagon 4 ประตู โฉมนี้ พ่อค้ารถยนต์ในไทย เรียกว่า โฉมสามห่วง เนื่องจากเป็นโฉมแรกของโคโรลล่า ที่ยี่ห้อเครื่องหมายวงรีขัดสามวง(สามห่วง)ถูกประยุกต์ใช้เป็นยี่ห้อเครื่องหมายของโตโยต้า (ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาใช้เขียนเป็นอักษร TOYOTA ไม่ใช่เครื่องหมายสามห่วง) โฉมสามห่วง เป็นจุดแปลงสำคัญของเครือญาติโคโรลล่า เพราะเหตุว่าก่อนนี้ โคโรลล่าจะมีลักษณะเป็นทรงเหลี่ยมๆแม้กระนั้นโฉมนี้ จะเริ่มเปลี่ยนแปลงจากความเหลี่ยม เป็นความโค้งมน และก็รถยนต์ตั้งแต่โฉมสามห่วงเป็นต้นมา ก็มีความงอมนเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วก็โคโรลล่าโฉมนี้ เครื่องจักรกลแบบคาร์บูเรเตอร์ในรถเก๋งเบาๆหายไป จนกระทั่งสุดท้ายก็เลิกผลิตไป แปลงเป็นแบบหัวฉีดทั้งหมดทั้งปวง รวมทั้งนับว่าเป็นโฉมแรกที่มีการจัดตั้งระบบความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัย แต่ว่าในประเทศไทยกลับไม่มีการต่อว่าดตั้งถุงลมนิรภัยมาด้วย โฉมนี้ เปิดตัวทีแรกใน พุทธศักราช 2538 โฉมนี้มีชื่อเรียกโดยรวมๆว่า โฉมโคนงหนึ่ง ตามเลขรหัสตัวรถยนต์ แม้กระนั้นกว่าจะได้มีชื่อเสียงแทนที่โฉมสามห่วง ก็ล่วงไปถึง พุทธศักราช 2541 ทางโตโยต้า จะต้องมีการปรับแก้เพื่อมีความมากมายหลายแล้วก็สร้างความเป็นที่ชื่นชอบให้ประสบผลสำเร็จสูงราวกับโฉมสามห่วง โดยเหตุนั้น ผลของการปรับแก้เป็น โฉมโคนงหนึ่งได้แตกกิ่งก้านสาขาออกเป็น 2 รุ่นย่อยหมายถึงรุ่นก้นเป็ด ผลิตระหว่าง พุทธศักราช 2538 – พุทธศักราช 2541 [NPC5]